ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยาน
*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ปิดที่ 72.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.94 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7.62% โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.87 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7.02% โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 สัญญา ปรับตัวเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียบุกยูเครนจนทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในวันศุกร์และปิดที่ระดับกว่า 7% หลังอิสราเอลและอิหร่าน เปิดฉากโจมตีทางอากาศเข้าใส่กัน
สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนว่าการปะทะครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคตะวันออกกลาง
ตลาดน้ำมันผันผวนจากสถานการณ์ตะวันออกกลาง
*** บรรดานักลงทุนในตลาดน้ำมัน เริ่มเปลี่ยนจากความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด มาเป็นหวาดวิตกการขาดแคลนน้ำมัน
ภายในระยะเวลาเพียง 2 วันของสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน
และอิหร่านประกาศใช้มาตรการตอบโต้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดถึง 13% สู่ระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนม.ค. เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอาจเกิดการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
หนึ่งในสาเหตุที่ราคาพุ่งแรงคือ ความสามารถสำรองของโอเปกและพันธมิตรในการเพิ่มการผลิตเพื่อชดเชยการขาดแคลนนั้นใกล้เคียงกับปริมาณการผลิตของอิหร่าน ซึ่งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นสมาชิกโอเปกพลัสเพียงไม่กี่ประเทศที่สามารถเพิ่มการผลิตได้ทันที โดยอาจเพิ่มได้ประมาณ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่อิหร่านผลิตน้ำมันประมาณ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งออกน้ำมันดิบกับผลิตภัณฑ์น้ำมันกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สถานการณ์ตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน
*** อิสราเอลและอิหร่าน เปิดฉากโจมตีเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงทำให้สงครามขยายตัว โดยการโจมตีล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากโจมตีกันอีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยอิสราเอลพุ่งเป้าไปที่ แหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในโลก
ของอิหร่าน ส่วนอิหร่านยิงขีปนาวุธและโดรนเข้าสู่อิสราเอล
นอกจากนี้ ยังทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอิหร่าน ยกเลิกการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์
ที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็นทางเดียวที่จะหยุดการโจมตีของอิสราเอล ขณะที่นายกฯ เนทันยาฮูของอิสราเอลเตือนว่า “นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น” ของการตอบโต้ที่รุนแรงขึ้นในวันข้างหน้า
อิสราเอลเตือนพลเมืองอิหร่านใกล้โรงงานอาวุธ
*** อิสราเอลออกคำเตือนให้ประชาชนอิหร่านที่อาศัยอยู่ใกล้โรงงานผลิตอาวุธในกรุงเตหะราน อพยพออกจากพื้นที่ หลังทั้ง 2 ประเทศยังคงปะทะกันด้วยการโจมตีทางอากาศ
โดยรมว.กลาโหมอิสราเอล ประกาศว่า “กองทัพอิสราเอลจะโจมตีสถานที่เหล่านี้ และจะทยอยทำลายขีดความสามารถของอิหร่าน ไม่ว่าจะเป็น อาวุธนิวเคลียร์และระบบขีปนาวุธ”
พร้อมเปรียบเปรยว่า จะ “ลอกหนังงูอิหร่านออกทีละชั้น”
ก่อนหน้านี้ โฆษกทหารอิสราเอล ได้โพสต์คำเตือนบน X เป็นภาษาอาหรับและเปอร์เซีย ระบุว่า “คำเตือนนี้ครอบคลุม ทุกโรงงานผลิตอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุน”
ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านทวีความรุนแรง
*** ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ร้อนระอุอีกครั้งเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังอิสราเอลขยายขอบเขตการโจมตีด้วยการพุ่งเป้าไปยังแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกของอิหร่าน ก่อให้เกิดความกังวลว่าความรุนแรงอาจขยายวงกว้าง ขณะที่อิหร่านประกาศระงับการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์
ที่สหรัฐฯเคยระบุว่าเป็นทางเดียวที่จะหยุดยั้งการโจมตีของอิสราเอล
กองทัพอิสราเอลยืนยันการตรวจพบขีปนาวุธจากอิหร่านหลายลูก และกำลังดำเนินการสกัดกั้น พร้อมโจมตีเป้าหมายทางทหารในกรุงเตหะราน
ขณะที่สื่อรัฐบาลอิหร่านรายงานว่าปล่อยขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอล
พร้อมยืนยันว่าโรงเก็บน้ำมัน Shahran ในกรุงเตหะรานถูกโจมตี แต่สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม
ผู้นำข่าวกรอง IRGC ถูกสังหาร
*** สำนักข่าว Tasnim ของอิหร่านรายงานว่า โมฮัมหมัด คาเซมี หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และ ฮัสซัน โมฮากิก รองหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ถูกสังหารในการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ โมห์เซน บาเกรี เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง IRGC คนที่ 3 ก็ถูกสังหารในการโจมตีที่กรุงเตหะรานด้วย ซึ่งมีรายงานว่าทั้งหมดถูกสังหารในการโจมตีของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า คาเซมีและโมฮากิกถูกสังหาร โดยอิสราเอลและอิหร่านได้โจมตีใส่กันเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตหลายสิบคน
และเพิ่มความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างขึ้น
ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ฝ่ายได้ขู่ว่าจะใช้กำลังที่รุนแรงยิ่งขึ้น
อิหร่านปฏิเสธเจรจาหยุดยิงขณะถูกโจมตี
*** อิหร่านได้แจ้งแก่ผู้ไกล่เกลี่ยอย่างกาตาร์และโอมานว่า จะไม่เจรจาหยุดยิง ในขณะที่ยังถูกอิสราเอลโจมตีอยู่
ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากโจมตีรอบใหม่และเพิ่มความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างขึ้น โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งระบุว่า “อิหร่านแจ้งผู้ไกล่เกลี่ยชาวกาตาร์และโอมานว่า พวกเขาจะดำเนินการเจรจาอย่างจริงจังก็ต่อเมื่ออิหร่านตอบโต้การโจมตีเชิงรุกของอิสราเอลเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น”
พร้อมกล่าวว่า อิหร่านได้ “แจ้งอย่างชัดเจนว่าจะไม่เจรจาในขณะที่ถูกโจมตี”
ทรัมป์อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ U.S. Steel โดย Nippon Steel
*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ U.S. Steel มูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Nippon Steel ของญี่ปุ่น
หลังใช้ระยะเวลายาวนานถึง 18 เดือน
เนื่องจากเผชิญกับการคัดค้านจากสหภาพแรงงานและการตรวจสอบความมั่นคงแห่งชาติ 2 ครั้ง โดย Nippon Steel จะซื้อหุ้น 100% ของ U.S. Steel และลงทุนใหม่ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายในปี 2028 พร้อมข้อผูกมัดด้านการบริหาร การผลิต และการค้า
รัฐบาลทรัมป์พิจารณาขยายข้อจำกัดการเดินทาง
*** รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาขยายข้อจำกัดการเดินทางอย่างมาก โดยอาจสั่งห้ามพลเมืองจาก 36 ประเทศเพิ่มเติม
เข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อปกป้องประเทศจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงและผู้ก่อการร้ายต่างชาติ
โดยมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามการเข้าเมืองที่ทรัมป์เริ่มขึ้นในวาระที่ 2 ซึ่งรวมถึงการเนรเทศและการจำกัดการเข้าเรียนของนักศึกษาต่างชาติ
หากประเทศเหล่านี้ไม่ดำเนินการแก้ไขข้อกังวลภายใน 60 วัน พวกเขาอาจเผชิญกับการห้ามเข้าประเทศทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งจะถือเป็นการขยายข้อจำกัดที่สำคัญจากการห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศที่บังคับใช้เมื่อต้นเดือนนี้ และการจำกัดบางส่วนจาก 7 ประเทศอื่น ๆ ในปัจจุบัน โดยประเทศที่อาจได้รับผลกระทบ อาทิ ภูฏาน, กัมพูชา, แคเมอรูน, โกตดิวัวร์, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, เซเนกัล, ซูดานใต้, ซีเรีย
สหรัฐฯ-จีนยังคงขัดแย้งเรื่องข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยี
*** การเจรจาสหรัฐฯ-จีน ยังคงไม่คลี่คลายประเด็นข้อจำกัดการส่งออกด้านความมั่นคงชาติ หลังจีนยังไม่ยอมผ่อนปรนการส่งออก แม่เหล็กแร่หายาก
ที่สหรัฐฯ ใช้ในเครื่องบินรบและระบบขีปนาวุธ
ขณะที่สหรัฐฯ ก็ยังคงจำกัดการส่งออก ชิป AI ขั้นสูง
ให้จีน เนื่องจากกังวลเรื่องการใช้งานทางทหาร
โดยทางการจีน แสดงท่าทีว่าจะพิจารณาผ่อนปรนเรื่องแร่หายากก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ ยกเลิกข้อจำกัดชิป AI ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนมุมมองจากการค้ายาเสพติดและภาษีมาเป็นการควบคุมเทคโนโลยี
ด้านแนวโน้มรีดภาษี คาดว่าสหรัฐฯ เตรียมขยายเวลาภาษีนำเข้าสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน นับจากวันที่ 10 ส.ค. ส่อสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังหาข้อตกลงระยะยาวไม่ได้ในเร็ววัน
ผู้บริโภคสหรัฐฯ มองเศรษฐกิจดีขึ้น ลดกังวลเงินเฟ้อ
*** ผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ผู้บริโภคสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.เริ่มมองเศรษฐกิจในแง่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
และลดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อพุ่งสูง
หลังเห็นสัญญาณความคืบหน้าในสงครามการค้าโลก โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 60.5 สูงกว่าที่ Dow Jones คาดการณ์ไว้ที่ 54 และเพิ่มขึ้น 15.9% จากเดือนก่อน
ขณะที่ดัชนีสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันเพิ่ม 8.1% ส่วนความคาดหวังในอนาคตพุ่งสูง 21.9%
ความคาดหวังเงินเฟ้อระยะ 1 ปีลดลงเหลือ 5.1% (ลดลง 1.5% จากเดือนก่อน) ส่วนระยะ 5 ปีอยู่ที่ 4.1% (ลดลง 0.1%)
คะแนนนิยมทรัมป์ทรงตัว แต่ความกระตือรือร้นลดลง
*** ผลสำรวจล่าสุดของ NBC News Decision Desk Poll โดย SurveyMonkey ระบุว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวาระที่ 2 ยังคงติดลบ เช่นเดียวกับทัศนคติทั่วไปต่อนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ประเด็นการอพยพเข้าเมืองและความมั่นคงชายแดนยังคงเป็นข้อยกเว้น
ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีส่วนใหญ่ (55%) ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดี ในขณะที่ 45% เห็นด้วย ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากผลสำรวจ NBC News Stay Tuned Poll เมื่อเดือนเม.ย.
แม้ตัวเลขโดยรวมจะคงที่ แต่มีสัญญาณเล็กน้อยที่แสดงถึงความกระตือรือร้นที่ลดลงในหมู่ผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โดยสัดส่วนของผู้ใหญ่ที่เห็นด้วยอย่างยิ่งลดลงเล็กน้อยตั้งแต่เดือนเม.ย. สัดส่วนของผู้ที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน แม้ว่าความรู้สึกเชิงลบที่รุนแรงยังคงแข็งแกร่งกว่าความรู้สึกเชิงบวกที่รุนแรงในผลสำรวจนี้
การประชุม G7 ถูกบดบังด้วยสงครามและการค้า
*** ผู้นำของชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกบางส่วน เดินทางถึงเทือกเขาร็อกกีของแคนาดาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ G7 (Group of Seven) ซึ่งถูกบดบังด้วยสงครามที่ขยายวงกว้างทั่วตะวันออกกลาง
และสงครามการค้าที่ยังไม่คลี่คลายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับทั้งพันธมิตรและคู่แข่ง โดยการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านและการตอบโต้ของอิหร่าน ซึ่งดูเหมือนจะทำให้ผู้นำโลกหลายคนประหลาดใจ เป็นสัญญาณล่าสุดของโลกที่ผันผวนมากขึ้น
ในขณะที่ทรัมป์พยายามถอนสหรัฐฯ ออกจากบทบาทผู้พิทักษ์สันติภาพโลก
ไต้หวันขึ้นบัญชีดำ Huawei และ SMIC ด้านเทคโนโลยี
*** ไต้หวันเพิ่มรายชื่อ Huawei Technologies และ Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC)
ของจีน เข้าสู่บัญชีควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงเชิงยุทธศาสตร์ของกระทรวงเศรษฐกิจ โดยบริษัทเหล่านี้จะอยู่รายชื่อเดียวกับกลุ่มตาลีบันและอัลกออิดะห์
โดยบริษัทไต้หวันต้องขออนุมัติรัฐบาลก่อนส่งออกสินค้าใด ๆ ให้กับหัวเหว่ยและ SMIC ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายควบคุมการส่งออกชิปที่เข้มงวดของไต้หวันที่มีต่อบริษัทจีน
ไต้หวัน ถือเป็นฐานการผลิตของ TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกและซัพพลายเออร์หลักให้กับ Nvidia โดยทั้งหัวเหว่ยและ SMIC กำลังพยายามไล่ตามในเกมแข่งขันเทคโนโลยีชิป
Amazon ลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย สร้างศูนย์ข้อมูลในออสเตรเลีย
*** Amazon ลงทุน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย สร้างศูนย์ข้อมูลในออสเตรเลีย
เสริมกำลัง AI ระหว่างปี 2025-2029
เพื่อขยายและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน ศูนย์ข้อมูลในออสเตรเลีย โดยมีเป้าหมายหวังเพิ่มขีดความสามารถด้าน AI ของประเทศ
โดยเน้นขยายศักยภาพเซิร์ฟเวอร์และสนับสนุนงานด้าน Generative AI พร้อมกันนี้ Amazon จะสร้างฟาร์มโซลาร์เซลล์ 3 แห่ง
ในรัฐวิกตอเรียและควีนส์แลนด์ ด้วยกำลังการผลิตรวม กว่า 170 เมกะวัตต์