อยากสอบถามเรื่องหุ้นครับ หุ้นอเมริกัน กับ หุ้นจีน

สถานการณ์ตอนนี้ ที่อเมริกากับจีนสู้กัน คิดว่าในอนาคตเราน่าจะลงหุ้นฝั่งไหนดีคับ

1. ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น (ปี 2025)

หุ้นอเมริกัน (S&P500/Nasdaq/Dow Jones)

  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาเติบโตในอัตราปานกลางหลังผ่านภาวะเงินเฟ้อสูงใน 2022-2023 เฟดเริ่มคงดอกเบี้ยหรือลดได้ในบางช่วงปี 2025
  • เทคโนโลยี/นวัตกรรม (AI, Cloud, EV, Healthcare) ขับเคลื่อนตลาด
  • บริษัทชั้นนำ เช่น Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Tesla, Nvidia รายได้และกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง
  • เสถียรภาพ ของกฎหมายและตลาดสูง นโยบายการเงินชัดเจน

หุ้นจีน (CSI300, SSE, Hong Kong Stock, ADRs สหรัฐฯ)

  • เศรษฐกิจจีน ยังโตแต่ชะลอลงกว่าทศวรรษก่อน จากพิษอสังหา-ส่งออกแผ่ว ทุนต่างชาติทยอยปรับลดน้ำหนักการลงทุน
  • บริษัทจีนชั้นนำ เช่น Alibaba, Tencent, BYD, PDD, JD.com, Meituan (ส่วนใหญ่จดทะเบียนในจีน/ฮ่องกง)
  • ข้อจำกัดด้านกฎหมาย/Regulation รัฐบาลจีนเข้าควบคุมธุรกิจมากกว่าสหรัฐฯ (โดยเฉพาะเทคโนโลยี)
  • เงินหยวน (CNY) ผันผวน นักลงทุนต่างชาติถือว่าสูงกว่าดอลลาร์

2. ผลตอบแทนและแนวโน้ม (2020-2025)

หุ้นอเมริกัน หุ้นจีน
ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี +40% ถึง +70% (ดัชนี S&P500, Nasdaq เด่นสุด) ต่ำหรือ “ลบ” จากจุดสูงสุดปี 2021 (ดัชนี CSI300/HK -20~0%)
การฟื้นตัวหลัง COVID ดีกว่า, หุ้นเทคโตโดดเด่น สร้าง new high หลายตัว หุ้นเทคล้มหรือเติบโตช้า, ปัญหาอสังหา/กำกับดูแลฉุด
โดดเด่นหลัง 2023-24 Nvidia, Apple, Microsoft, Amazon, AI Stocks BYD (EV), PDD, Meituan (แต่รายอื่นยังอึมครึม)
เงินปันผล โดยเฉลี่ย 1.5-2% (หุ้นบูลชิพ), มี Dividend Grower 2-4% (หุ้นการเงิน/พลังงานจีนจ่ายสูง แต่ซึมเศรษฐกิจ)
ความผันผวน ต่ำกว่า, มั่นคงกว่า, เกือบทุกพอร์ตโลกถือหุ้น US สูงกว่า, ขึ้นกับนโยบายรัฐ/ข่าว Regulation
โอกาสเติบโตระยะยาว สูง โดยเฉพาะกลุ่ม AI, Cloud, Consumer, Healthcare มีในกลุ่ม EV, AI, Internet ของจีน แต่มีความเสี่ยงนโยบายและการแข่งขัน

3. ความเสี่ยงและปัจจัยที่ต้องพิจารณา

หุ้นอเมริกัน

  • เผชิญความผันผวนจากดอกเบี้ย-ภาษี-สงครามการค้าเป็นครั้งคราว
  • มาตรฐานบัญชี, การบริหารโปร่งใสกว่า (สูงสุดในโลก)
  • นักลงทุนทั่วโลกถือทำให้ตลาดสภาพคล่องสูง

หุ้นจีน

  • เสี่ยงกับการควบคุมภาครัฐแบบกระทันหัน (Crackdown, จำกัดเทคบริษัทเอกชน)
  • ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่จบ, Demand ในประเทศโตช้าลง
  • ดอลลาร์แข็ง กระทบ valuation หุ้นจีนและแรงดูดเงินทุนออก

4. ตัวอย่างหุ้นยอดนิยม

อเมริกัน จีน
Apple Alibaba
Microsoft Tencent
Nvidia BYD
Tesla PDD (Pinduoduo)
Meta (Facebook) JD.com

5. สรุป: หุ้นประเทศไหนเหมาะกับใคร?

  • หุ้นอเมริกัน:
    • เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงเสถียร, เติบโตต่อเนื่อง, Liquid สูง, ได้ Exposure เทคโนโลยีโลก
    • มูลค่าสูง Price ต่อ Earnings แพงขึ้น แต่ภาพรวมแข็งแกร่ง
  • หุ้นจีน:
    • เหมาะกับคนรับความเสี่ยงได้สูง มองหา “โอกาสเด้งจากราคาต่ำมาก” หรือกระจายพอร์ตระยะยาว (China Rebound)
    • ความผันผวนสูง เสี่ยงต่อ Policy Change และเศรษฐกิจโตช้าลงในรอบ 20 ปี

ตัวอย่าง (ผลตอบแทน)

  • S&P500 (5 ปี): เติบโตประมาณ 55-70%
  • CSI300 (5 ปี): อยู่ช่วง -10% ถึง +5% (ปัจจุบันยังต่ำกว่าปี 2021)
  • หุ้นเทคจีนชื่อดัง (เช่น Alibaba/Tencent): ช่วง 2020-2024 ยังลบเทียบกับสูงสุดเดิม

คำแนะนำ

  • นักลงทุนมือใหม่-พอร์ตใหญ่: เน้นหุ้นอเมริกันเป็นหลัก
  • นักลงทุนสวนกระแส-รับความเสี่ยงได้: เก็บหุ้นจีนช่วงราคาลงต่ำ (แต่ต้องจับจังหวะ)
  • กลยุทธ์ที่นิยม: จัดพอร์ตแบบ World Equity (US 60% / Global ex-US 20% / China & EM 10-15%)