ในช่วงที่ผ่านมา โลกได้เผชิญกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้นพร้อมกันในหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น ตะวันออกกลาง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, หรือ ยุโรปตะวันออก ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพยากร แต่ยังสะเทือนต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประชาชนทั่วไปอย่างลึกซึ้ง
- อิสราเอล vs อิหร่าน: เชื้อไฟตะวันออกกลาง จุดชนวนทองคำ
หลังจากเหตุปะทะทางอากาศระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน สถานการณ์ในตะวันออกกลางได้เข้าสู่ภาวะตึงเครียดสูงสุดในรอบหลายปี ความไม่แน่นอนจากสงครามส่งผลให้ นักลงทุนเร่งสะสมทองคำ ในฐานะทรัพย์สินปลอดภัย (safe haven) ดันราคาทองทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบปี
ราคาทองคำ Spot พุ่งทะลุ 2,400 ดอลลาร์/ออนซ์
กองทุน ETF ทองคำมีแรงซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนจากความกังวลเฟดต้องผ่อนนโยบายเร็วกว่าคาด
- น้ำมันกระเซ็น: กลับทิศท่ามกลางแรงขายทางเทคนิค
ขณะที่ทองคำพุ่ง น้ำมันกลับสวนทางแม้ตะวันออกกลางจะตึงเครียด เนื่องจากตลาดมองว่าความต้องการใช้น้ำมันยังอ่อนแอจากจีน และกลุ่มโอเปก+ อาจขยายมาตรการลดกำลังการผลิต แต่แรงเก็งกำไรเริ่มหายไปเพราะนักลงทุนระมัดระวัง
WTI ร่วงต่ำกว่า $75
ปริมาณน้ำมันสำรองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
- ไทยปะทะเขมร: สงครามเงียบของนักล่าพรมแดน
สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาร้อนแรงอีกครั้งหลังการจับกุมกลุ่มสำรวจพื้นที่ป่าชายแดนที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน เกิดข้อพิพาทระหว่างหน่วยความมั่นคงทั้งสองฝ่าย แม้ยังไม่ถึงขั้นยิงปะทะหนัก แต่ได้จุดกระแส “ชาตินิยม” และความกลัวต่อ สงครามเพื่อแย่งชิงดินแดน ที่ไม่เคยจางหาย
ผลกระทบภายในประเทศ:
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในภาคอีสานและภาคตะวันออก
นักลงทุนต่างชาติระวังการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจ EEC
ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวจากแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์
-
สงครามทวีปยุโรปยังคุกรุ่น
ยูเครน-รัสเซียยังคงสู้รบต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่ Donbas และ Kharkiv นำไปสู่ความเสี่ยงในการขยายวงของสงคราม หาก NATO เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง ตลาดทุนยุโรปและค่าเงินยูโรจึงยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง -
ทรัพย์สินของเราจะเป็นอย่างไร?
เมื่อสงครามกระจายทุกทวีป คำถามสำคัญคือ “เราจะรักษามูลค่าทรัพย์สินอย่างไร?”
ทองคำ: ราชาในวันที่ทุกอย่างล่มสลาย
ในวันที่โลกมั่วแต่ทะเลาะ ทองคำกลับเฉิดฉายที่สุดในกระดาน
มันคือทรัพย์สินเดียวที่คนทั้งโลกไว้ใจเวลาทุกอย่างพัง
ราคาทองพุ่งทะลุ $2,400 / oz แล้ว
นักลงทุนแห่ซื้อ ETF ทองจนล้นตลาด
ธนาคารกลางหลายประเทศเพิ่มการถือทองในทุนสำรอง
แต่คำถามคือ “ยังทันมั้ย?”
ขอบอกเลยว่า “ถ้าคุณจะซื้อตอนนี้ คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังซื้อ ‘ความกลัว’ ของโลก ไม่ใช่ทอง”
ทองจะยังไปได้ไกล แต่ คุณไม่ควรวิ่งไล่ตาม
เพราะอะไรที่ขึ้นจาก Panic มีโอกาส “แผ่วก่อนพีค” ได้เสมอ
น้ำมัน: นักเลงพลังงานในยุคดอลลาร์กล้า-จีนอ่อน
ปกติไฟสงครามควรดันน้ำมันขึ้น แต่น้ำมันกลับโดนแรงขายสวนตลาด
เพราะจีนอ่อนแอ ความต้องการพลังงานไม่โต สหรัฐมีน้ำมันสำรองเยอะ นักลงทุนไม่กล้า Long เพราะราคากำลังเสียทรง
ถ้าจะเล่นน้ำมันตอนนี้ ต้องไม่ใช่มือใหม่มันคือเครื่องมือเก็งกำไร ไม่ใช่ที่ซ่อนเงิน
หุ้น: สนามรบของนักลงทุนสายเย็น
ใครว่าหุ้นต้องลงเวลามีสงคราม? ไม่จริงเสมอไป !! หุ้นบางกลุ่มกลับเด้งในวิกฤต เพราะมี “ภูมิคุ้มกัน” เศรษฐกิจ หุ้นบางประเทศได้ประโยชน์จากสงคราม เช่น ผู้ผลิตอาวุธ, พลังงานทางเลือก
กลุ่มหุ้นที่ควรขี่ในยุคสงคราม:
โรงไฟฟ้า – ปันผลสวย ไม่มีคู่แข่งแย่งตลาด
ขนส่ง – คนยังต้องเดินทาง ยังต้องใช้โลจิสติกส์
สื่อสาร – ยุคนี้อินเทอร์เน็ตคืออาวุธแห่งข้อมูล
หุ้นเทคขนาดใหญ่ – ถือเงินสดเยอะ รอดพายุเศรษฐกิจได้ดีกว่าคนตัวเล็ก
พันธบัตร-เงินสด: เกราะกันกระสุนพอร์ต!! ใช่ครับ มันไม่หวือหวา แต่มันคือ “เกราะกันตาย” พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เกรดดี ให้อัตราดอกเบี้ยชนะเงินเฟ้อ
เงินสดคือเครื่องมือบริหารจังหวะ ซื้อของดีตอนวิ่งตก
หากคุณไม่มั่นใจในอะไรเลย การถือ “ของที่ไม่มีความผันผวน” ก็ถือว่ารอดในโลกวิกฤตนี้แล้ว
คริปโต: สวรรค์ของนักเสี่ยง หรือบ่วงของนักโลภ?
ในบางสายตา Bitcoin คือ “ทองคำดิจิทัล” มันขึ้นเวลาโลกกลัว… แต่ตกก็แรงเหมือนคนไม่มีบ้าน ตอนนี้ BTC กำลังวิ่งขึ้นพร้อมทอง แต่คุณต้องรู้:
ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง ทุกอย่างคือ “ความเชื่อ” และ “เทรนด์” เสี่ยงเจอแรงเทขายจากสถาบัน ถ้าเฟดพูดผิดแค่ประโยคเดียว ถ้าจะลงทุน ต้องพร้อม “เสีย 100% โดยไม่สะทกสะท้าน”
ถ้าคุณไม่วางแผนตอนนี้… คุณไม่ได้แค่ “ตกรถ”
แต่คุณอาจกำลัง “เดินเท้าอยู่กลางสมรภูมิเดือดของไฟสงครามโลก”